旧约
- ปฐก.ปฐมกาล
- อพย.อพยพ
- ลนต.เลวีนิติ
- กดว.กันดารวิถี
- ฉธบ.เฉลยธรรมบัญญัติ
- ยชว.โยชูวา
- วนฉ.ผู้วินิจฉัย
- นรธ.นางรูธ
- 1ซมอ.1ซามูเอล
- 2ซมอ.2ซามูเอล
- 1พกษ.1พงศ์กษัตริย์
- 2พกษ.2พงศ์กษัตริย์
- 1พศด.1พงศาวดาร
- 2พศด.2พงศาวดาร
- อสร.เอสรา
- นหม.เนหะมีย์
- เอสเธอร์เอสเธอร์
- โยบโยบ
- สดด.สดุดี
- สุภาษิตสุภาษิต
- ปัญญาจารย์ปัญญาจารย์
- เพลงโซโลมอนเพลงโซโลมอน
- อสย.อิสยาห์
- ยรม.เยเรมีย์
- เพลงคร่ำครวญเพลงคร่ำครวญ
- เอเสเคียลเอเสเคียล
- ดาเนียลดาเนียล
- โฮเชยาโฮเชยา
- โยเอลโยเอล
- อาโมสอาโมส
- อบด.โอบาดีห์
- โยนาห์โยนาห์
- มคา.มีคาห์
- นาฮูมนาฮูม
- ฮาบากุกฮาบากุก
- เศฟันยาห์เศฟันยาห์
- ฮักกัยฮักกัย
- เศคาริยาห์เศคาริยาห์
- มาลาคีมาลาคี
新约
- มธ.มัทธิว
- มก.มาระโก
- ลก.ลูกา
- ยน.ยอห์น
- กจ.กิจการของอัครทูต
- โรมโรม
- 1คร.1โครินธ์
- 2คร.2โครินธ์
- กาลาเทียกาลาเทีย
- อฟ.เอเฟซัส
- ฟีลิปปีฟีลิปปี
- คส.โคโลสี
- 1เธสะโลนิกา1เธสะโลนิกา
- 2เธสะโลนิกา2เธสะโลนิกา
- 1ทิโมธี1ทิโมธี
- 2ทิโมธี2ทิโมธี
- ทิตัสทิตัส
- ฟีเลโมนฟีเลโมน
- ฮีบรูฮีบรู
- ยากอบยากอบ
- 1เปโตร1เปโตร
- 2เปโตร2เปโตร
- 1ยอห์น1ยอห์น
- 2ยอห์น2ยอห์น
- 3ยอห์น3ยอห์น
- ยูดายูดา
- วิวรณ์วิวรณ์
圣经版本
设置
显示节号
显示标题
显示脚注
逐节分段
คำอุปมาเรื่องผู้หว่าน
(มธ.13:1-15,18-23; ลก.8:4-15)
1แล้วพระเยซูทรงสอนที่ริมทะเลสาบอีก ฝูงชนรุมล้อมพระองค์แน่นขนัดจนพระองค์ต้องเสด็จลงไปประทับนั่งในเรือ ขณะที่ประชาชนอยู่ที่ชายฝั่ง
2พระองค์ทรงยกคำอุปมาสอนหลายสิ่งแก่พวกเขาว่า
3“ฟังเถิด! ชาวนาผู้หนึ่งออกไปหว่านเมล็ดพืช
4ขณะที่หว่านบางเมล็ดก็ตกตามทางและนกมาจิกกินหมด
5บางเมล็ดตกบนพื้นกรวดหินซึ่งมีเนื้อดินน้อยจึงงอกขึ้นโดยเร็วเพราะดินตื้น
6แต่เมื่อแดดเผาก็เหี่ยวไปเพราะไม่มีราก
7บางเมล็ดตกกลางพงหนาม ต้นหนามก็งอกคลุมจึงไม่เกิดผล
8แต่ยังมีเมล็ดบางส่วนตกบนดินดี งอกขึ้นมา เติบโตและเกิดผลสามสิบเท่า หกสิบเท่า หรือถึงร้อยเท่า”
9แล้วพระเยซูตรัสว่า “ใครมีหู จงฟังเถิด”
10เมื่อทรงอยู่ตามลำพัง สาวกทั้งสิบสองคนกับคนอื่นที่แวดล้อมพระองค์อยู่ทูลถามพระองค์เกี่ยวกับคำอุปมาเหล่านั้น
11พระองค์ทรงบอกพวกเขาว่า “ความลับของอาณาจักรของพระเจ้าทรงโปรดให้พวกท่านรู้ ส่วนคนนอกนั้นทุกอย่างจะใช้คำอุปมา
12เพื่อว่า
“ ‘พวกเขาจะดูแล้วดูเล่าแต่จะไม่มีวันประจักษ์
และจะฟังแล้วฟังเล่าแต่จะไม่มีวันเข้าใจ
13แล้วพระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “พวกท่านยังไม่เข้าใจคำอุปมานี้หรือ? ถ้าอย่างนั้นจะเข้าใจคำอุปมาทั้งหลายได้อย่างไร?
14ชาวนาได้หว่านพระวจนะ
15บางคนก็เป็นเหมือนเมล็ดพืชที่ตกตามทาง ทันทีที่เขาได้ยิน ซาตานก็มาฉวยเอาพระวจนะที่หว่านลงในเขาไป
16บางคนก็เหมือนเมล็ดพืชที่หว่านลงบนพื้นหิน เมื่อได้ยินพระวจนะแล้วก็รับไว้ทันทีด้วยความยินดี
17แต่เนื่องจากไม่ได้หยั่งรากลึกจึงคงอยู่เพียงชั่วคราว เมื่อเกิดปัญหาหรือการข่มเหงเนื่องด้วยพระวจนะนั้นพวกเขาก็เลิกราไปอย่างรวดเร็ว
18บางคนเหมือนเมล็ดพืชที่หว่านลงกลางพงหนาม คือได้ยินพระวจนะ
19แต่ถูกความพะวักพะวนในชีวิตนี้ ความหลอกลวงของทรัพย์สมบัติ และความอยากได้ใคร่มีในสิ่งต่างๆ เข้ามารัดพระวจนะนั้นทำให้ไม่เกิดผล
20คนอื่นๆ เหมือนเมล็ดพืชที่หว่านลงบนดินดี คือผู้ที่ได้ยินพระวจนะแล้วรับไว้และเกิดผลสามสิบเท่า หกสิบเท่า หรือถึงร้อยเท่าของที่หว่านลงไป”
ตะเกียงบนเชิงตะเกียง
21พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “ท่านไม่เอาตะเกียงวางไว้ใต้ถังหรือวางไว้ใต้เตียงใช่ไหม? ตรงกันข้าม ท่านย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียงไม่ใช่หรือ?
22เพราะสิ่งที่ซ่อนเร้นจะถูกเปิดเผย สิ่งที่ปิดบังไว้จะถูกเปิดโปง
23ใครมีหูที่จะฟังก็จงฟังเถิด”
24พระองค์ตรัสอีกว่า “จงพิจารณาสิ่งที่ท่านได้ยินอย่างถี่ถ้วน ท่านตวงให้ไปด้วยทะนานอันใดท่านก็จะได้รับเท่ากับทะนานอันนั้น และได้รับมากยิ่งกว่านั้นอีก
25ผู้ใดมีอยู่แล้วจะได้รับเพิ่มขึ้น ส่วนผู้ที่ไม่มีแม้ที่เขามีอยู่ก็จะถูกริบเอาไปจากเขา”
คำอุปมาเรื่องเมล็ดพืชที่งอกขึ้น
26พระองค์ตรัสด้วยว่า “อาณาจักรของพระเจ้าเป็นเหมือนคนหนึ่งหว่านเมล็ดพืชลงในดิน
27ทั้งวันทั้งคืนไม่ว่าเขาหลับหรือตื่น เมล็ดพืชก็งอกและเติบโตขึ้นแม้เขาไม่รู้ว่ามันงอกขึ้นได้อย่างไร
28ดินทำให้มันงอกเป็นต้นอ่อนแล้วออกรวง จากนั้นมีเมล็ดข้าวเต็มรวง
29เมื่อข้าวสุกแล้ว เขาก็ใช้เคียวเกี่ยวเพราะถึงฤดูเกี่ยวแล้ว”
คำอุปมาเรื่องเมล็ดมัสตาร์ด
(มธ.13:31,32; ลก.13:18,19)
30พระองค์ตรัสอีกว่า “พวกเราจะเปรียบอาณาจักรของพระเจ้ากับอะไรดี หรือจะยกอุปมาใดมาอธิบาย?
31อาณาจักรของพระเจ้านั้นก็เหมือนเมล็ดมัสตาร์ดซึ่งเป็นเมล็ดที่เล็กที่สุดเมื่อเพาะลงในดิน
32แต่เมื่องอกขึ้นก็เป็นต้นใหญ่ที่สุดในสวน แผ่กิ่งก้านสาขาจนนกในอากาศมาพักอาศัยในร่มเงาได้”
33พระเยซูทรงยกคำอุปมาที่คล้ายกันนี้อีกหลายเรื่องมาตรัสกับพวกเขาเท่าที่พวกเขาจะเข้าใจได้
34พระองค์ตรัสกับพวกเขาเป็นคำอุปมาทั้งสิ้น แต่เมื่อพระองค์ทรงอยู่กับเหล่าสาวกตามลำพังก็ทรงอธิบายทุกสิ่ง
พระเยซูทรงห้ามพายุ
(มธ.8:18,23-27; ลก.8:22-25)
35เย็นวันนั้นพระองค์ตรัสกับเหล่าสาวกว่า “ให้เราข้ามไปอีกฟากหนึ่งเถิด”
36พวกเขาก็พาพระองค์ไปในเรือที่ประทับอยู่นั้น โดยละฝูงชนไว้ข้างหลังและมีเรืออื่นๆ หลายลำตามพระองค์ไปด้วย
37เกิดพายุร้าย คลื่นซัดท่วมจนเรือจวนจะจมแล้ว
38พระเยซูทรงหนุนหมอนบรรทมอยู่ท้ายเรือ เหล่าสาวกมาปลุกพระองค์และทูลว่า “พระอาจารย์ พระองค์ไม่ทรงห่วงว่าเราจะจมน้ำตายหรือ?”
39พระองค์ทรงลุกขึ้นห้ามลมและคลื่นว่า “เงียบ! จงสงบนิ่งเดี๋ยวนี้!” แล้วลมก็หยุดพัด ทุกอย่างก็สงบนิ่งอย่างสิ้นเชิง
40พระองค์ตรัสกับเหล่าสาวกว่า “ทำไมจึงกลัวนัก? พวกท่านยังไม่มีความเชื่ออีกหรือ?”
41เหล่าสาวกแตกตื่นตกใจ ต่างถามกันว่า “พระองค์ทรงเป็นใครหนอ? แม้แต่ลมและคลื่นก็ยังเชื่อฟังพระองค์!”
Thai New Contemporary Version ™️
Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.
Used with permission. All rights reserved worldwide.
“Biblica”, “International Bible Society” and the Biblica Logo are trademarks registered in the United States Patent and Trademark Office by Biblica, Inc. Used with permission.