Aa
บุตรมนุษย์เป็น​เจ้านาย​เหนือ​วัน​สะบาโต
1ครั้งหนึ่ง​ใน​วัน​สะบาโต พระ​เยซู​เดิน​ผ่าน​ไป​ใน​ทุ่งนา พวก​สาวก​ของ​พระ​องค์​เริ่ม​เด็ด​รวงข้าว​มา​ขยี้​ใน​มือ​กิน
2ฟาริสี​บาง​คน​ถาม​ว่า “ทำไม​ท่าน​จึง​ทำ​สิ่ง​ต้องห้าม​ใน​วัน​สะบาโต”
3พระ​เยซู​ตอบ​ว่า “ท่าน​ไม่​เคย​อ่าน​เลย​หรือ​ว่า ครั้ง​ที่​ดาวิด​กับ​พรรค​พวก​ที่​ไป​ด้วย​ได้​ทำ​อะไร​บ้าง​เมื่อ​รู้สึก​หิว
4คราว​ที่​ดาวิด​ได้​เข้า​ไป​ใน​พระ​ตำหนัก​ของ​พระ​เจ้า และ​เอา​ขนมปัง​อัน​บริสุทธิ์​ซึ่ง​ไม่​มี​ผู้​ใด​มี​สิทธิ์​รับประทาน​ยกเว้น​บรรดา​ปุโรหิต​เท่า​นั้น​มา​กัด​กิน​และ​ให้​แก่​พรรคพวก​ของ​เขา​ด้วย”6:4 1 ซามูเอล 21:1-9
5พระ​องค์​กล่าว​กับ​เขา​เหล่า​นั้น​ว่า “บุตรมนุษย์​เป็น​เจ้านาย​เหนือ​วัน​สะบาโต”
6ใน​วัน​สะบาโต​อีก​วัน​หนึ่ง​พระ​องค์​เข้า​ไป​ใน​ศาลา​ที่​ประชุม​และ​สั่งสอน มี​ชาย​ผู้​หนึ่ง​ซึ่ง​มือ​ขวา​ลีบ​อยู่​ที่​นั่น​ด้วย
7ส่วน​พวก​ฟาริสี​และ​พวก​อาจารย์​ฝ่าย​กฎ​บัญญัติ​ต่าง​หา​เหตุผล​เพื่อ​ใช้​เป็น​ข้อ​กล่าวหา​พระ​เยซู เขา​คอย​จับ​ตา​ดู​ว่า พระ​องค์​จะ​รักษา​คน​ใน​วัน​สะบาโต​หรือ​ไม่
8พระ​เยซู​ทราบ​ความ​คิด​ของ​คน​เหล่า​นั้น​จึง​กล่าว​กับ​คน​มือลีบ​ว่า “จง​ลุก​ขึ้น และ​ยืน​ต่อ​หน้า​ทุกๆ คน​เถิด” เขา​ก็​ลุก​ขึ้น​ยืน
9แล้ว​พระ​เยซู​กล่าว​กับ​คน​ทั้ง​หลาย​ว่า “เรา​ขอ​ถาม​ท่าน​ว่า ทำ​อย่างไร​จึง​ถูก​กฎ​บัญญัติ​ใน​วัน​สะบาโต การ​ทำ​ดี​หรือ​การ​ทำ​ชั่ว การ​ช่วย​ชีวิต​หรือ​การ​ทำลาย​ชีวิต”
10พระ​องค์​มองดู​ทุก​คน​ที่​อยู่​รอบข้าง แล้ว​กล่าว​กับ​ชาย​ผู้​นั้น​ว่า “จง​ยื่น​มือ​ออกมา​เถิด” เมื่อ​เขา​ทำตาม มือ​ของเขา​ก็​หาย​เป็นปกติ
11คน​เหล่า​นั้น​ก็​โกรธ​มาก​และ​ถกเถียง​กัน​เอง​ว่า​จะ​ทำ​อย่างไร​กับ​พระ​เยซู​ดี
อัครทูต​ทั้ง​สิบ​สอง
12วัน​หนึ่ง​พระ​เยซู​ออก​ไป​ยัง​แถบ​ภูเขา​และ​อธิษฐาน​ต่อ​พระ​เจ้า​ตลอด​ทั้ง​คืน
13เมื่อ​ถึง​เวลา​เช้า​พระ​องค์​ก็​เรียก​สาวก​ทั้ง​หลาย​ของ​พระ​องค์​มา และ​เลือก​สาวก 12 คน​ซึ่ง​พระ​องค์​ตั้ง​ให้​เป็น​อัครทูต
14ซีโมน​ซึ่ง​พระ​องค์​ตั้งชื่อ​ว่า เปโตร อันดรูว์​น้อง​ชาย​ของ​เขา ยากอบ ยอห์น ฟีลิป บาร์โธโลมิว
15มัทธิว โธมัส ยากอบ​บุตร​ของ​อัลเฟอัส ซีโมน​ที่​เรียก​ว่า​เป็น​พรรค​ชาติ​นิยม
16ยูดาส​บุตร​ของ​ยากอบ และ​ยูดาส​อิสคาริโอท​ซึ่ง​เป็น​ผู้​ทรยศ
ความ​สุข​และ​ความ​วิบัติ
17พระ​เยซู​ลง​มา​จาก​ภูเขา​พร้อม​ด้วย​อัครทูต มา​ยัง​ที่​ราบ​แห่ง​หนึ่ง​ซึ่ง​เต็ม​ไป​ด้วย​สาวก​กลุ่ม​ใหญ่​ของ​พระ​องค์ ผู้​คน​จำนวน​มาก​มา​จาก​ทั่ว​แคว้น​ยูเดีย เมือง​เยรูซาเล็ม และ​จาก​ชาย​ฝั่ง​ทะเล​ของ​เมือง​ไทระ​และ​ไซดอน
18ต่าง​ก็​มา​เพื่อ​ฟัง​พระ​องค์ และ​มา​ขอ​รับ​การ​รักษา​ให้​หาย​จาก​โรค​ต่างๆ รวม​ทั้ง​พวก​ที่​ถูก​วิญญาณ​ร้าย​ทั้ง​หลาย​รังควาน​ก็​ได้​รับ​การ​รักษา​หาย
19ฝูง​ชน​ทั้ง​ปวง​ก็​พยายาม​จะ​แตะต้อง​พระ​เยซู เพราะ​ฤทธานุภาพ​ที่​ออก​มา​จาก​กาย​ของ​พระ​องค์ ทำ​ให้​คน​ทั้ง​ปวง​หาย​จาก​โรค​ภัย​ต่างๆ ได้
20พระ​องค์​มองดู​พวก​สาวก​ของ​พระ​องค์​แล้ว​กล่าว​ว่า
“ท่าน​ผู้​ยากไร้​จะ​เป็น​สุข
เพราะ​ว่า​อาณาจักร​ของ​พระ​เจ้า​เป็น​ของ​ท่าน
21ท่าน​ผู้​ที่​หิว​กระหาย​เวลา​นี้​ก็​เป็น​สุข
เพราะ​ว่า​ท่าน​จะ​ได้​อิ่มหนำ
ท่าน​ผู้​ร่ำไห้​เวลา​นี้​ก็​เป็น​สุข
เพราะ​ว่า​ท่าน​จะ​ได้​หัวเราะ
22ท่าน​จะ​เป็น​สุข​เมื่อ​ถูก​คน​ทั้ง​หลาย​เกลียดชัง
เมื่อ​เขา​ตัดขาด ดูถูก
และ​ประณาม​ชื่อ​ของ​ท่าน​ว่า​ชั่ว
เหตุ​เพราะ​บุตรมนุษย์
23วาระ​นั้น​จง​ชื่นชม​ยินดี​และ​โลด​เต้น​ด้วย​ความ​ยินดี เพราะ​รางวัล​อัน​เลิศ​ของ​ท่าน​อยู่​ใน​สวรรค์ เพราะ​ว่า​บรรพบุรุษ​ของ​เขา​ทั้ง​ปวง​ได้​กระทำ​ต่อ​ผู้เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า​ด้วย​วิธี​เดียว​กัน
24แต่​วิบัติ​จง​เกิด​แก่​ผู้​มั่งมี
เพราะ​ว่า​ท่าน​ได้​รับ​ความ​สบาย​แล้ว
25วิบัติ​จง​เกิด​แก่​ผู้​ที่​อิ่มหนำ​เวลา​นี้
เพราะ​ว่า​ท่าน​จะ​มี​ความ​อดอยาก
วิบัติ​จง​เกิด​แก่​ผู้​ที่​หัวเราะ​เวลา​นี้
เพราะ​ว่า​ท่าน​จะ​มี​ความ​เศร้าโศก​และ​ร้องไห้
26วิบัติ​จง​เกิด​แก่​ผู้​ที่​เวลา​คน​ทั่วไป​พูด​ยกยอ​ท่าน
เพราะ​ว่า​บรรพบุรุษ​ของ​เขา​ทั้ง​หลาย​ได้​กระทำ​เช่น​เดียว​กัน ต่อ​บรรดา​ผู้เผย​คำกล่าว​จอมปลอม
รัก​ศัตรู
27เรา​ขอบอก​ท่าน​ที่​ฟัง​เรา​ว่า จง​รัก​ศัตรู​ของ​ท่าน จง​ทำ​ดี​ต่อ​ผู้​ที่​เกลียดชัง​ท่าน
28จง​อวยพร​ผู้​ที่​สาปแช่ง​ท่าน จง​อธิษฐาน​ให้​แก่​คน​ที่​กระทำ​ผิด​ต่อ​ท่าน
29ถ้า​ใคร​ตบ​แก้ม​ของ​ท่าน​ข้าง​หนึ่ง จง​หัน​อีก​ข้าง​หนึ่ง​ให้​เขา​ด้วย ถ้า​ใคร​เอา​เสื้อ​ตัว​นอก​ของ​ท่าน​ไป และ​จะ​เอา​เสื้อ​ตัว​ใน​ไป​ด้วย​ก็​อย่า​ห้าม​เขา
30จง​ให้​แก่​ทุก​คน​ที่​ขอ​จาก​ท่าน และ​ถ้า​ผู้​ใด​เอา​สิ่ง​ของ​ที่​เป็น​ของ​ท่าน​ไป​ก็​อย่า​ทวง​กลับ​คืน
31จง​ปฏิบัติ​ต่อ​ผู้​อื่น​อย่าง​ที่​ท่าน​ต้องการ​ให้​ผู้​อื่น​ปฏิบัติ​ต่อ​ท่าน
32ถ้า​ท่าน​รัก​บรรดา​ผู้​ที่​รัก​ท่าน แล้ว​ท่าน​จะ​ได้​คุณประโยชน์​อะไร เพราะ​แม้​แต่​คน​บาป​ก็​ยัง​รัก​ผู้​ที่​รัก​เขา
33ถ้า​ท่าน​ทำ​ดี​แก่​ผู้​ที่​ทำ​ดี​แก่​ท่าน แล้ว​ท่าน​จะ​ได้​คุณประโยชน์​อะไร เพราะ​คน​บาป​ก็​ทำ​เช่น​นั้น
34ถ้า​ท่าน​ให้​ยืม​แก่​ผู้​ที่​ท่าน​หวัง​ว่า​จะ​ได้​รับ​คืน แล้ว​ท่าน​จะ​ได้​คุณประโยชน์​อะไร เพราะ​คน​บาป​ก็​ให้​ยืม​แก่​คน​บาป ด้วย​หวัง​ว่า​จะ​ได้​รับ​คืน​ทั้ง​หมด
35แต่​จง​รัก​ศัตรู​ของ​ท่าน จง​ทำ​ดี​ต่อ​เขา​เหล่า​นั้น และ​ให้​ยืม​โดย​ไม่​หวัง​เลย​ว่า​จะ​ได้​รับ​สิ่ง​ใด​คืน แล้ว​ท่าน​จะ​ได้​รับ​รางวัล​อัน​เลิศ ท่าน​ทั้ง​หลาย​ก็​จะ​ได้​เป็น​บุตร​ของ​ผู้​สูง​สุด ด้วย​ว่า​พระ​องค์​มี​ความ​กรุณา​ต่อ​คน​อกตัญญู​และ​คน​ชั่ว
36จง​มี​ความ​เมตตา เหมือน​กับ​พระ​บิดา​ของ​ท่าน​ผู้​มี​ความ​เมตตา
การ​ตำหนิ​ผู้​อื่น
37อย่า​ตำหนิ​ติเตียน​ผู้อื่น แล้ว​ท่าน​จะ​ไม่​ถูก​ตำหนิ อย่า​กล่าวโทษ แล้ว​ท่าน​จะ​ไม่​ถูก​กล่าวโทษ จง​ยกโทษ​ให้​ผู้อื่น แล้ว​ท่าน​จะ​ได้​รับ​การ​ยกโทษ
38จง​ให้​แก่​ผู้อื่น และ​ท่าน​จะ​ได้​รับ​ใน​จำนวน​ที่​อัด​เขย่า​ให้​แน่น​จน​ล้น​บน​ตัก ด้วย​ว่า​ท่าน​ตวง​ให้​ไป​เท่าใด ท่าน​ก็​จะ​ได้​รับ​กลับ​ใน​จำนวน​เท่า​นั้น”
39พระ​องค์​กล่าว​เป็น​อุปมา​แก่​เขา​ว่า “คน​ตาบอด​สามารถ​นำ​ทาง​ให้​คน​ตาบอด​ได้​หรือ​ไม่ ทั้ง​สอง​จะ​ไม่​พา​กัน​ตกลง​ใน​บ่อ​หรือ
40ศิษย์​จะ​ไม่​เหนือ​ไป​กว่า​อาจารย์ แต่​ทุก​คน​ที่​ได้​รับ​การ​อบรม​ฝึกฝน​ครบ​ถ้วน​จะ​เป็น​ดัง​เช่น​อาจารย์​ของ​เขา
41เหตุ​ใด​ท่าน​จึง​มองเห็น​ผง​ใน​ดวงตา​ของ​พี่น้อง​ของ​ท่าน แต่​ไม่​สังเกต​เห็น​ไม้​ท่อน​ใหญ่​ใน​ดวงตา​ของ​ท่าน​เอง
42ท่าน​พูด​กับ​พี่น้อง​ของ​ท่าน​ได้​อย่างไร​ว่า ‘พี่น้อง​เอ๋ย ให้​เรา​เขี่ย​ผง​ออก​จาก​ดวงตา​ของ​ท่าน​เถิด’ ทั้งๆ ที่​ตัว​ท่าน​ไม่​สามารถ​เห็น​ไม้​ท่อน​ใหญ่​ใน​ดวงตา​ของ​ท่าน​เอง คน​หน้าไหว้​หลังหลอก​เอ๋ย ท่าน​ต้อง​เอา​ไม้​ท่อน​ใหญ่​ออก​จาก​ดวงตา​ของ​ท่าน​เสียก่อน จึง​จะ​เห็น​อย่าง​ชัดเจน แล้ว​จะ​ได้​เขี่ย​ผง​ออก​จาก​ดวงตา​ของ​พี่น้อง​ของ​ท่าน​ได้
ผล​ที่​ได้​จาก​ต้นไม้
43ไม้​ดี​ย่อม​ไม่​ให้​ผล​เลว ไม้​เลว​จะ​ให้​ผล​ดี​ก็​ไม่​ได้​เช่น​กัน
44ด้วย​ว่า เรา​ดู​ชนิด​ของ​ต้นไม้​ได้​จาก​ผล​ของ​มัน เรา​ไม่​สามารถ​เก็บ​ผล​มะเดื่อ​จาก​พืชพันธุ์​ไม้​มี​หนาม หรือ​องุ่น​จาก​พุ่มไม้​ประเภท​หนาม​ได้
45คน​ดี​ย่อม​แสดง​สิ่ง​ดี​ที่​สะสม​อยู่​ในใจ​ของ​เขา​ออก​มา และ​คน​ชั่ว​ย่อม​แสดง​สิ่ง​ชั่ว​ที่​สะสม​อยู่​ใน​ใจ​ของ​เขา​ออก​มา​เช่น​กัน เพราะ​ว่า​ปาก​ย่อม​พูด​แต่​สิ่ง​ที่​อยู่​ใน​ใจ
ฐาน​ราก​อัน​มั่นคง
46ทำไม​ท่าน​จึง​เรียก​เรา​ว่า ‘พระ​องค์​ท่าน พระ​องค์​ท่าน’ แต่​ไม่​ทำ​ตาม​ที่​เรา​พูด
47เรา​จะ​ชี้แจง​ให้​ท่าน​เข้าใจ​ว่า ทุก​คน​ที่​มา​หา​เรา ได้ยิน​คำ​ของ​เรา​และ​ปฏิบัติ​ตาม เขา​จะ​เป็น​เช่นไร
48เขา​เหมือน​กับ​คน​ที่​กำลัง​สร้าง​บ้าน​หลัง​หนึ่ง และ​ขุด​ลึก​ลง​ไป​เพื่อ​วาง​ฐาน​ราก​บน​หิน เมื่อ​น้ำ​ท่วม กระแส​น้ำ​ก็​ซัดสาด​ขึ้น​มา แต่​ก็​มิ​อาจ​ขยับ​บ้าน​ได้ เพราะ​ว่า​เป็น​บ้าน​ที่​สร้าง​ไว้​อย่าง​ดี
49แต่​ผู้​ที่​ได้ยิน​คำ​ของ​เรา​และ​ไม่​ปฏิบัติ​ตาม ก็​เปรียบ​เสมือน​คน​ที่​สร้าง​บ้าน​บน​พื้น​ซึ่ง​ไม่​มี​ฐาน​ราก เมื่อ​กระแส​น้ำ​ซัด​มา​บ้าน​ก็​พัง​ทลาย​ลง​ได้ และ​ความ​เสียหาย​นั้น​ยิ่ง​ใหญ่​นัก”